หลังจากที่ iPhone X, iPhone 8, iPhone 8 Plus ได้ถูกเปิดตัวกันไปแล้วในงาน Apple Special Event 2017 เมื่อวันที่ 12 กันยายน ที่ผ่านมา เป็นที่ฮือฮาในโลกโซเชียลกันสุดๆ ใครไม่ได้อัพเเดตหรือติดตามถือว่าพลาดมาก! เพราะเขาเปิดตัวได้สวยงาม กับ ลูกเล่นใหม่ที่ไม่เหมือนใคร ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สาวก Apple ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย แต่จะสุดยอดอย่างไร พี่หมีรวบรวมจุดเด่นมาไว้ที่นี้แล้ว
iPhone X หรือ iPhone 10
การออกแบบ iPhone X กลับมาใช้วัสดุกระจกอีกครั้ง ทั้งหน้าและหลังจึงคล้าย iphone 4 และมีกรอบสแตนเลสรอบตัวเพื่อ รองรับการชาร์แบบไร้สาย (Wireless Charing) ใช้คู่กับ AirPower แท่นชาร์จไร้สาย
หน้าจอ iPhone X มีความกว้างของหน้าจอ เท่ากับ 5.8 นิ้ว ใช้จอแบบ OLED ที่เข้ามาช่วย 3 เรื่อง คือ มีหน้าจอที่สดใสขึ้น มีความยืดหยุ่นของพื้นที่หน้าจอเครื่องได้เต็มที่ และยังช่วยประหยัดพลังงาน ใครชอบพบปัญหาเรื่องแบตโทรศัทพ์เสื่อม พี่หมีว่า iPhone X นี้ตอบโจทย์ ยังไม่หมดเท่านี้ ยังมีเทคโนโลยี Super Retina Display ตัวเก่งด้านความละเอียดถึง 2436×1125 และมีตัวกล้องหน้า TrueDepth ที่คมชัดเอาใจคนรักเซลฟี่ เสริมด้วยนวัตกรรมสแกนใบหน้า ที่เรียกว่า Face ID ระบบสแกนใบหน้า 3 มิติ ในที่มืดได้ด้วยอินฟาเรด
จอภาพ iPhone X เป็นแบบ HDR (High Dynamic Range) ช่วยให้รูปถ่ายมีสีเข้ม ลึก และสว่างมากกว่าปกติ สามารถดูวีดิโอในรูปแบบ Dolby vision และ HDR10 ให้ภาพเหมือนอยู่ในโรงหนัง
Tap to Wake Feature ช่วยในการเปิดหน้าจอง่ายขึ้นในขณะที่เครื่องหน้าจอล็อกอยู่ เพียงแค่แตะไปที่หน้าจอ 2 ครั้ง
ประสิทธิภาพการทำงาน iPhone X พูดได้ว่าทรงพลัง แต่ประหยัดพลังงาน เพราะใช้ CPU แบบ 6-Core และ ชิพ A11 10nm 64-bit ที่มีประสิทธิภาพกว่าเดิม
iPhone 8 และ iPhone 8 Plus
การออกแบบ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ไม่ต่างจาก iPhone 7, iPhone 7 Plus เท่าไหร่ มีเพียงสเปคภายในตัวที่ถูกอัพเกรด และวัสดุเครื่องที่เปลี่ยนจากแบบอลูมิเนียม มาเป็นกระจก เพื่อรองรับการชาร์จแบบไร้สาย (Wireless Charing) กับแท่นชาร์จ
หน้าจอ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus มีความกว้างของหน้าจอ เท่ากับ 4.7,5.5 นิ้ว ลำดับ และยังคงจุดเด่น คือ เคลือบสีถึง 7 ชั้น สำหรับใครที่ชอบผาดโผนแล้วหละก็ พี่หมีแนะนำให้เล็ง 2 ตัวนี้ไว้ เพราะรับรองว่าเป็นรอยได้ยาก
TrueTone Display เป็นเทคโนโลยีที่ถูกอัพเกรดขึ้นลงใน iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ที่เข้ามาช่วยในส่วนของการแสดงผลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
กล้องหลัง iPhone 8 และ iPhone 8 Plus นำเสนอคุณภาพของกล้องด้วยความละเอียดที่ 12MP มีเซ็นเซอร์ใหม่หมด และที่สำคัญคือกันภาพสั่นได้ด้วย
ประสิทธิภาพการทำงาน iPhone 8 และ iPhone 8 Plus พูดได้ว่าทรงพลังไม่น้อยหน้า iPhone X เลย เพราะใช้ CPU แบบ 6-Core และ ชิพ A11 BIONIC 10nm 64-bit เหมือนกัน
สี iPhone X, iPhone iPhone 8 Plus
iPhone X มี 2 สี คือ สีเทา และสีเงิน
iPhone 8 และ iPhone 8 Plus มี 3 สี คือ สีทอง สีเทา และสีเงิน
ความจุและราคา
iPhone X : ความจุ 2 ระดับให้เลือก คือ
64GB ในราคา 37,500 และ 256GB ในราคา 41,500
iPhone 8 : ความจุ 2 ระดับให้เลือก คือ
64GB ในราคา 26,500 และ 256GB ในราคา 34,500
iPhone 8 Plus : ความจุ 2 ระดับให้เลือก คือ
64GB ในราคา 30,500 และ 256GB ในราคา 39,500
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับฟีเจอร์ใหม่ของ IPhone X, IPhone 8 และ IPhone 8 Plus ที่จัดคุณภาพมาคับจอขนาดนี้ ยอมรับเลยว่าตัวพี่หมียังขอยกนิ้วให้ สำหรับใครที่สนใจอยากจับจองเป็นเจ้าของ อย่าพึ่งร้อนใจ อีกไม่กี่อึดใจ ประมาณปลายเดือนกันยายน จะมีวางจำหน่ายในไทยแน่นอน !